การ ดูแลผิวพรรณของเรา ถือเป็นเรื่องที่สำคัญของสาว ๆ อย่างเรา การที่ผิวพรรณของเรา นุ่ม เรียบเนียน ดูเปล่งปลั่ง สวยใส ดูมีออร่า ย่อมเป็นที่ต้องการของสาวๆ ทุกคน แต่การที่จะทำให้ไปถึงจุดนั้นได้ ไม่ใช่เพียงแค่การรักษา เท่านั้น ต้องประกอบไปด้วยในการดูแล และข้อห้ามต่าง ๆ ที่ห้ามละเลยเด็ดขาด
ซึ่งคุณอาจจะได้ยิน หรือได้ฟังมา สูตร วิธีการ หรือเทคนิคต่าง ๆ มากมาย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล้านั้นมันจะกลายเป็นสิ่งล้าสมัยไปแล้วนะ! เพราะกฎในการ ดูแลผิวพรรณของเรา ทั้ง 10 ข้อที่ห้ามละเลยนี้ ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าจะช่วยให้ผิวพรรณของคุณดูมีสุขภาพดีขึ้นได้
กฎข้อที่ 1 : ไปพบแพทย์ผิวหนัง
ถึงแม้ในสมัยนี้จะมีผลิตภัณฑ์เด็ด ๆ มากมาย ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาสิวด้วยตัวคุณเองได้ แต่ถ้าใช้แล้วปัญหาสิวพวกนั้นยังไม่ยอมหนีหายไปไหน ก็ควรไปพบแพทย์ผิวหนังดีกว่า เพราะคุณจำเป็นต้องค้นหาให้เจอว่าปัญหาสิวนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร บางครั้งสิ่งที่คุณคิดว่าสิว…อาจจะไม่ใช่สิวก็ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการรักษาให้ถูกทาง ปัญหาพวกนั้นถึงจะหมดไปได้
ผิวของคนเรามักจะบ่งบอกถึงสุขภาพของผู้เป็นเจ้าของ ฉะนั้น สิวที่คุณเห็นก็อาจเป็นอาการของปัญหาบางอย่าง ที่มีต่อแพทย์เท่านั้นถึงจะรู้ นอกจากนี้ถ้าคุณปล่อยให้สิวลุกลามโดยไม่ทำการรักษา สิวพวกนั้นก็อาจจะฝากรอยแผลเป็นเอาไว้บนใบหน้าได้ จึงนับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่คุณจะต้องปล่อยให้มืออาชีพเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้คุณ เพราะฉะนั้นอย่าลืมนะว่า ปัญหารอยแผลเป็นนั้นมักรักษาได้ยาก แถมยังต้องใช้เงินมากกว่าการรักษาสิวตั้งเยอะ
กฎข้อที่ 2 : จะ ดูแลผิวพรรณของเรา อย่าใจร้อน โดยเด็ดขาด!
ถึงแม้สิวจะโผล่ขึ้นมากวนใจในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน แต่การจะกำจัดมันออกไปกลับไม่ได้รวดเร็วแบบนั้น เพราะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการผลัดเซลล์ผิว และเผยให้เห็นเซลล์ผิวใหม่ ฉะนั้น จึงอาจต้องใช้เวลาราว ๆ นั้นกว่าจะเห็นผลในการรักษา แล้วไม่ต้องจิตตกล่ะ ถ้าปัญหาดูเลวร้ายลงก่อนจะถึงเวลานั้น เพราะตัวยาบางชนิด (อย่างเรตินอล) อาจส่งผลข้างเคียงที่ดูน่ากลัวในช่วงแรก ๆ ได้ เนื่องจากเรตินอลจะทำงานลงไปในระดับโมเลกุล เพื่อช่วยให้มีการผลัดเซลล์ผิวที่เร็วขึ้น ฉะนั้น จึงทำให้สิวที่เกิดขึ้นแล้ว โผล่ขึ้นมาให้เห็นบนผิวมากขึ้น คุณจึงควรเชื่อฟังแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ในระหว่างนั้นอาจใช้คอนซีลเลอร์แบบที่ผสมตัวยารักษาสิวมาใช้ปกปิดไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้
กฎข้อที่ 3 : อยู่ให้ห่างจากความเครียด และน้ำตาล
ถ้าคุณไม่เคยมีปัญหาสิวเกิดขึ้นมาก่อน แต่ตอนนี้กลับมีสิวโผล่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หรือจู่ ๆ ผิวก็เป็นมันเยิ้มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันก็อาจมีสาเหตุมาจากวิธีดำเนินชีวิตของคุณก็ได้ ถ้าคุณมีปัญหาสิวในช่วงอายุ 20 หรือ 30 หล่ะก็ นั่นก็อาจเป็นเรื่องฮอร์โมน ความเครียดเป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายปลดปล่อยฮอร์โมนคอร์ทีซอลออกมา ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเทสทอลเทอโรน ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมต่าง ๆ ให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ฉะนั้น หาวิธีจัดการกับความเครียดซะ (อย่างการเล่นโยคะ นอนแช่น้ำอุ่น หรือนอนหลับพักผ่อนให้มากขึ้น) แต่อย่างใช้วิธีกินแหลกสลายความเครียดล่ะ เพราะอาหารที่ค่าดัชนีน้ำตาลสูงนั้น จะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองจนกลายเป็นสิวขึ้นมา ดื่มน้ำ และหาอะไรที่ไม่ใช่แป้งและน้ำตาลใส่น่าจะดีกว่า) >> ยิ่งเครียดยิ่งกิน … กลายเป็นเครียดหนักกว่าเดิม
กฎข้อที่ 4 : ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
การปล่อยให้ผิวโดนแดดนาน ๆ เป็นประจำ นอกจากจะต้องเจอกับปัญหาความหมองคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัยแล้ว คุณยังเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้ด้วย แต่ถ้าคุณใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป ปัญหาผิวต่าง ๆ ก็จะลดลง และถ้าคุณต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ๆ ก็ควรทาซ้ำทุก ๆ สองชั่วโมงด้วย อย่าลืมนะว่ารังสียูวีในแสงแดดนั้น ส่งผลร้ายต่อผิวของเรามากกว่าผลดี ถ้าไม่มีความจำเป็นก็หลีกเลี่ยงมันซะ
กฎข้อที่ 5 : อย่าใช้ตามคนอื่น คนอื่นใช้ได้ดี ไม่ใช่หมายความเราจะดีด้วย
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับ ดูแลผิวพรรณของเรา แต่ละชนิดนั้นมีประสิทธิภาพสำหรับเฉพาะคนที่มีสภาพผิวนั้น ๆ ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งที่จะสามารถใช้ได้กับทุกคน
ฉะนั้น ก็เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณซะ ไม่ใช่เห็นใครแล้วดีก็เลยใช้ตาม มองหาส่วนผสมอย่างกรดไกลโคลิค กรดซาลิไซลิค และเรตินโนอิดส์ ซึ่งจะช่วยให้คุณมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองมีสภาพผิวยังไง ก็แวะไปที่เคาน์เตอร์ความงาม เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ผิวให้ซะ
กฎข้อที่ 6 : อย่ารังเกียจน้ำมัน
จริง ๆ แล้ว..น้ำมันไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป เพราะคนที่มีผิวเป็นมันเยิ้มได้ง่ายนั้น มักจะเจอกับปัญหาริ้วรอยได้น้อยกว่า เนื่องจากมีมอยส์เจอไรเซอร์ตามธรรมชาติคอยดูแลผิวอยู่แล้ว ฉะนั้น อย่าทำความสะอาดผิวหน้าจนเกินเลยความพอดี เพราะถ้าผิวหน้ารู้สึกแห้งตึงหลังล้างหน้าล่ะก็ แสดงว่าผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติไปแล้ว ซึ่งนั่นจะทำให้เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา แทรกซึมลงไปทำร้ายผิวได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้เมื่อร่างกายตรวจจับได้ว่าผิวเกิดอาการแห้ง ก็จะผลิตน้ำมันขึ้นมาชดเชยในปริมาณมากขึ้นด้วย คุณอาจป้องกันและแก้ปัญหาความมันเยิ้มในระหว่างวัน ด้วยการใช้ไพร์เมอร์ ชนิดควบคุมความมันก่อนแต่งหน้า และพกกระดาษซับมันติดตัวไว้เสมอ >> วิธีการดูแลรักษาผิวหน้ามัน
กฎข้อที่ 7 : ใช้ครีมต่อต้านริ้วรอย โดยไม่ต้องรอให้มีปัญหาก่อน
ถึงแม้ว่าร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง เมื่อคนเราก้าวเข้าสู่วัย 20 ปลาย ๆ แต่คุณก็ไม่ควรต้องรอให้ถึงเวลานั้น แล้วจึงค่อยใช้ผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอย เพราะถ้าริ้วรอยเกิดขึ้นมาแล้ว ครีมอะไร ๆ ก็มักจะเอาไม่อยู่ ทางที่ดีคือหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่มีมอยสเจอไรเซอร์มาใช้เป็นประจำทุกวัน เพื่อคงความชุ่มชื้นบนผิวหน้าไว้เสมอ อย่าลืมล่ะว่าผิวแห้ง ๆ มักจะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่า ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล สารต่อต้านอนุมูลอิสระและคอลลาเจน ก็นับว่าเป็นทางออกที่ดีในการต่อสู่กับริ้วรอย
กฎข้อที่ 8: น้ำ คือกฏพื้นฐานในการ ดูแลผิวพรรณของเรา
นี่เป็นกฎอีกข้อหนึ่งที่มักได้ยินได้ฟังกันมาบ่อย ๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจที่จะทำตาม ขอบอกเอาไว้เลยนะว่ากฎนี้เป็นอะไรที่จริงซะยิ่งกว่าจริง เพราะอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของเรานั้น จะมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก ถ้าเซลล์ของอวัยวะนั้นขาดน้ำขึ้นมา ก็จะทำงานได้ช้าลง แถมถ้าผิวขาดน้ำก็มีแนวโน้มจะแห้งได้ง่าย และความยืดหยุ่นก็จะลดลงด้วย ซึ่งก็หมายความว่าจะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าผิวที่มีความชุ่มชื้น ฉะนั้น ก็ขยันดื่มน้ำซะ!
กฎข้อที่ 9 : เลิกดื่มกาแฟ
ผู้หญิงเรามักจะทุ่มเงินซื้อครีมราคาแพงมาใช้เพื่อเติมความชุ่มชื่นให้ผิว แต่ยังปล่อยกาแฟเข้าไปทำลายความชุ่มชื้นในผิวอยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว แล้วครีมอะไรก็คงช่วยคุณไม่ได้ เพราะคาเฟอีนในกาแฟนั้นคือตัวการทำให้ผิวแห้ง ถ้าคุณจำเป็นต้องดื่มจริง ๆ ก็อย่าให้เกินสองแก้วต่อวัน แต่ถ้าเปลี่ยนมาดื่มชาสมุนไพรได้ ก็จะเป็นผลดีต่อผิว และยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมของคุณมากที่สุด
กฎข้อที่ 10 : จงจำไว้ว่า ผิวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ผลการศึกษาวิจัย แสดงให้เห็นว่า คนที่ดูสวยและมีเสน่ห์ จะได้งานและเงินเดือนที่ดีกว่าคนที่ไม่สวย แล้วคุณจะไม่อยากโชว์หน้าสวย ๆ ของคุณหรอกเหรอ? ผิวพรรณของคนเรามักเป็นสิ่งแรก ๆ ที่ผู้คนสังเกตเห็น ถ้าคุณมีสุขภาพผิวที่ดีก็จะช่วยให้อะไร ๆ ดูดีตามไปด้วย ฉะนั้น การดูแลทำความสะอาด เติมความชุ่มชื้น และจงใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่เหมาะสมเป็นประจำทุกวันซะ
Pic : Freepik