จัดสมดุลชีวิตกับการงาน ง่าย ๆ เพียง 7 วิธี

          ถ้าคุณเคยรู้สึกว่าเพิ่งทำงานไปหยก ๆ ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วนัก รุ่งขึ้นก็มานั่งที่เดิมอีกแล้ว ขอบอกว่าไม่ใช่คุณคนเดียวหรอก หลายคนทำงานมากชั่วโมงเกิน การศึกษาพบว่าสตรีโดยเฉลี่ยทำงานรายสัปดาห์มากกว่าที่ควร ขณะที่นักจิตวิทยาเชื่อว่าการทำงานน้อยชั่วโมงจะเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น แล้วถ้าไม่มีทางเลือกทำงานแค่พาร์ทไมท์ก็มีทางอื่นในการ จัดสมดุลชีวิตกับการงาน ให้เข้าที่ได้ ต่อไปนี้คือวีธีทำงานอย่างฉลาดมากขึ้น ไม่ใช่ทำงานหนักขึ้น

1. ค้นหาจุดพลังงาน

คุณสามารถกระตุ้นผลผลิตระหว่างวันได้ด้วยการจัดระดับพลังงาน และวางแผนงานตามนั้น คนเราแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ พวกตื่นแต่ไก่โห่ กับพวกนกฮูก พวกแรกตื่นเช้าแล้วพร้อมจะออกไปโลดได้เลย พวกหลังจะยังงัวเงียแต่เริ่มทำงานเต็มที่ตอนสาย หรือเที่ยงไปแล้ว ถ้าคุณเปลี่ยนเวลาทำงานไม่ได้ ให้วางแผนการทำงานตามชนิดของตัวเอง อาจตื่นเร็วขึ้นสักครึ่งชั่วโมง หรือวางแผนทำงานชิ้นโหด ๆ ตอนบ่าย ซึ่งพลังงานเริ่มเริงโลดแล้ว ถ้าไม่แน่ใจว่าคุณมีพลังตอนไหน ไม่ต้องรู้สึกแย่ การศึกษากับวัยรุ่นพันคนพบว่าพวกตื่นเช้ามักทำข้อสอบได้ดีกว่า ขณะพวกนกฮูกฉลาด และได้ทำงานมีเกียรติ มีรายได้สูงกว่า

2. ตารางงานน่าเบื่อ

มีสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เช่น การกิน การแต่งกาย ที่เราอาจให้ความใส่ใจน้อยลง บารัค โอบาม่า กล่าวไว้ว่า “ต้องมุ่งเน้นที่พลังงานการตัดสินใจ ต้องจัดตารางของตัวเองโดยไม่ยั่นต่อสิ่งเบี่ยงเบน” นอกเหนือจากกินอาหารเช้าและกลางวันเหมือนเดิมทุกวันแล้ว ประธานาธิบดีผู้นี้แต่งกายแบบกึ่งสูททุกวันเพื่อใช้พลังงานกับการตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ โดยไม่เสียเวลากับเรื่องเล็กน้อย มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟสบุ๊คก็สวมเสื้อแบบเดียวกันทำงานทุกวันเหมือนกัน หากไม่อยากเสียเวลาเลือกสรร คุณทำได้ด้วยการฝึกสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย สีกลาง ๆ เช่น ครีม น้ำเงิน เทา และดำ ซึ่งสวมผสมผสานกันได้โดยเสริมสีสันด้วยรองเท้า กับกระเป๋า และเครื่องประดับ ถ้าฟังดูเว่อร์เกินไป ให้ใช้เวลาวันอาทิตย์สร้างสรรค์ทางเลือก 5 ประการสำหรับสัปดาห์ต่อไป เพื่อจะได้เริ่มวันใหม่แต่ละวันด้วยความรู้สึกสงบ แค่นี้ก็ จัดสมดุลชีวิตกับการงาน ได้ง่าย ๆ แล้ว

3. จัดปริมาณงานใหม่

ปีที่ผ่านมาพนักงานในอังกฤษทำงานล่วงเวลามากเป็นสามเท่ากับการรับส่งอีเมล์ และโทรศัพท์ ดังนั้นคุณต้องใช้เวลาทำงานให้เป็นประโยชน์มากสุด คนส่วนใหญ่อ่านอีเมล์เป็นสิ่งแรก เสียเวลากับงานไม่เป็นเรื่องตอนระดับพลังงานพุ่งโลด ดังนั้นให้จัดเวลากวาดตามองอินบอกซ์ดูเฉพาะเมล์ที่สำคัญ อย่าเปิดเมล์อื่น จากนั้นให้เปลี่ยนไปทำโครงการอื่น ให้เช็คเมล์เป็นช่วง ๆ เช่น เช้า เที่ยง และบ่าย

4. ออกไปข้างนอกตอนพักเที่ยง

พวกเราเป็นพวกชอบนั่งกันติดเก้าอี้ทำงาน 60% ชอบกินแซนด์วิชเป็นอาหารกลางวันที่โต๊ะทำงาน โดยคิดว่าการเพิ่มเวลาพิเศษนี้จะช่วยให้ทำรายการสิ่งต้องทำเสร็จสิ้นไป แต่ความจริงจัดว่าตรงกันข้าม เวลาพักกลางวันจัดเป็นช่วงสำคัญในการฟื้นฟูเติมไฟสมอง ได้ออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ แสงแดด และออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินดุร้านรวง หรือออกกำลังกายแค่เล็กน้อยก็ช่วยกระตุ้นพลังงาน และช่วยคุณทำงานได้ดีขึ้นเมื่อได้บรรเทาความกังวล และความเครียด อาจลองหาชั้นเรียนศิลปะ หรือภาษาเพื่อออกกำลังกายสมองส่วน ต่าง ๆ และเพิ่มพูนเวลาพักสมอง หรือใช้เวลาไปพบเพื่อนแทนที่จะเจอกันตอนค่ำซึ่งคุณมักเหนื่อยล้าไปแล้ว

5. หยุดพักเบรก

เรามักรู้สึกว่าจะต้องนั่งประจำโต๊ะทำงาน ก้มหน้าก้มตาทำไปจนถึงจุดที่ผลผลิตตกต่ำ สิ่งพึงกระทำคือ ทำงานสัก 60-90 นาที การทำงานของสมองใช้กลูโคลสมากกว่ากิจกรรมอื่น ๆ และคุณต้องเอาพลังงานเสริมที่เก็บไว้ออกมาใช้หลัง 60-90 นาที ตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อเตือนตัวเองให้หยุดพัก ชงชาหรือคุยกับเพื่อนร่วมงาน กระตุ้นพลังงานธรรมชาติตนเองด้วยการกินของว่างที่เป็นอาหารสมอง เช่น บลูเบอร์รี่ (ปรับปรุงการเรียนรู้) หรือวอลนัท (ช่วยสุขภาพความจำ)

6. ทุ่มเทเข้าไว้

กี่ครั้งแล้วที่คุณสัญญากับตัวเองว่าจะกลับบ้านตามเวลาเลิกงาน แต่กลับอยู่ดึกอีกตามเคย? ถ้าไม่มีเหตุผลหนักแน่นให้กลับก็ง่ายที่จะอยู่ทำงานต่อให้เสร็จจนเป็นนิสัย หรือคุยกับเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเวลาไปรับลูก หรือไปชั้นเรียนออกกำลังกาย จัดตารางบางอย่างสัปดาห์ละครั้งเพื่อให้คุณกลับออกไปตรงตามเวลา เมื่อคุณเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำได้แล้วชีวิตการงานก็ยังดำเนินต่อไป คุณจะทำได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้น

7. รื่นรมย์กับวันหยุด

ผู้หญิงมักสร้างความกดดัน และกังวลให้ตนเองโดยไม่จำเป็น เรื่องที่ว่าจะเกิดอะไรในที่ทำงานถ้าตนไม่อยู่ขึ้นมา ความจริงคืออาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือถ้ามีคนอื่นก็รับมือได้ ดังนั้นให้เริ่มจากหยุดงานโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าบ้าง คุณจะตระหนักว่าแม้คนอื่นจะเห็นคุณค่าแต่ก็ขาดคุณได้ไม่เป็นไร แถมคุณยังกลับไปทำงานได้อย่างมีพลังงานมากขึ้นด้วย