เมื่อก่อนอยากพูดอะไรให้สำเร็จง่าย ๆ งานผ่านฉลุยก็ต้องไปสำนักหมอร่างทรงลงสาลิกาลิ้นทอง เอ่ยปากปุ๊บ สมหวังปั๊บ ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว เราสามารถสะกดจิตแบบอ่อน ๆ ด้วยท่าทางและคำพูดที่อีกคนฟังแล้วโอเคไม่รู้ตัว สาวนักขายนักมาร์เก็ตติ้งทั้งหลาย หรือใครอยากให้แฟนซื้อของที่เล็งไว้ให้อย่างมึน ๆ วันนี้เราจึงมาแนะนำเทคนิค วิธีพูดให้คนเชื่อ กันคะ
แต่งแบบนี้ จังงัง…งงงวย
เราต้องเริ่มสะกดกันตั้งแต่ภายนอก เสื้อผ้า หน้าตา เครื่องประดับนี่แหละที่โดดเด่นเห็นก่อนใครเพื่อน ยิ่งโดดเด้งเข้าตามากเท่าไหร่ คู่สนทนาก็ยิ่งจ้องจนวิงเวียน เกิดอาการเบลอ ให้ตกลงอะไรรับรองว่าเออ ๆ ออ ๆ ตามทุกประโยคแน่นอน
ลิปสติกบาดตา
จะมาทาสีนู้ดซอฟท์ ๆ ก็กลืนกับคนอื่นแย่สิ เราลองเลือกสีที่คนส่วนใหญ่ไม่ทา อย่างม่วงเข้ม สีเลือดหมู หรือเอาให้จัดจ้านอย่างสีแดงก็ได้ สรุปคือเอาแบบที่เดินมาร้อยเมตรต้องเห็นเราก่อนน่ะ แล้วลองคิดดูว่าเราหยุดทุกคนในระยะไกลขนาดนั้นได้ คนที่ใกล้แค่เอื้อมจะไม่สยบก็ให้มันรู้ไป พอเอาคำพูดเพราะ ๆ มารวมกับลิปสติกสีจี๊ด ๆ ก็เหมือนร่ายมนต์คูณสองเลย
แอ็คเซสเซอรี่แน่น ๆ
จัดเต็มมาเลยตั้งแต่ตุ้มหู สร้อย แหวน กำไล หรือเสื้อวิบวับแบบนางเอก The Great Gatsby งานนี้ยิ่งใหญ่ ยิ่งบลิงค์ ยิ่งได้เปรียบ เวลาคุยแล้วเขาทำท่าจะปฏิเสธก็สะบัดตุ้มหูใส่สักทีสองที ให้มองจนหัวหมุนติ้ว ๆ เรามีพยานยืนยันมาแล้วที่เจอตุ้มหูอันใหญ่เพชร 18 กะรัตเข้าไป แล้วไปไม่ถูก พูดไม่ออก เพราะมัวแต่จ้องตาค้างเนี่ยะแหละ
ขนตาปลอมเสริมพลัง
เวลาเราคุยกับใครก็ต้องมองที่ดวงตา เพื่อบอกว่าฉันสนใจฟังเธออยู่นะ เราใช้ภาษากายนี้ให้เป็นประโยชน์ด้วยการแต่งตาให้เนี้ยบเลย ลงอายแชโดว์อ่อน ๆ ติดขนตาปลอม แล้วไม่ลืมปัดมาสคาร่าทับอีกสองที ระหว่างคุย เราก็เพ่งสมาธิสะกดจิต “จงว่าง่าย จงตกลง” พร้อมสบตาปิ๊ง ปิ๊ง ให้เขาเห็นแพขนตาไปด้วย จนสับสนว่า เอ๊ะ นี่ขนตาจริงหรือปลอมน๊า สุดท้ายก็เสร็จเราแบบงง ๆ
อายไลเนอร์วิบวับ…ปิ๊งปั๊ง
สำหรับสาวหมวยตาชั้นเดียว และสาวแว่นที่การติดขนตาปลอมอาจดูไม่เข้าแก๊ป เป็นอุปสรรค แต่ก็ยังอยากให้ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ก็หยิบกลิตเตอร์อายไลเนอร์ชิ้นเด็ดออกมาใช้เลย ให้ดวงตาดูระยิบระยับ แสงสะท้อนเข้าตาคนคุยด้วยนั่นแหละดี เราจะได้ฉวยโอกาสนี้ให้เขาเออออห่อหมกเลยไง
เพ้นท์เล็บลายวิ้ง
มือคืออีกหนึ่งจุดที่เด่นไม่แพ้ส่วนไหน เราน่ะชอบสังเกตมือฝ่ายตรงข้ามว่าลอกหรือเปล่า เล็บสะอาดมั๊ย เพราะมันบ่งบอกถึงการดูแลตัวเอง นอกจากทาแฮนด์ครีมทุกวันแล้ว ถ้ามีเวลาและทุนทรัพย์ก็ขอแนะนำให้เข้าเนลซาลอนไปเลย จัดเต็มได้ทุกแบบจะมาเมทัลลิค แบบเจล หรืออะคริลิคลายวิจิตรอะไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าไม่มีก็ยาทาเล็บแบบกลิตเตอร์ ทาง่าย ทาสะดวก และประหยัด แถมแพรวพราวให้ตาพร่าอีกต่างหาก
สีผมช่วยชีวิต
ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ย้อมชมพูช็อกกิ้งพิ๊งค์ หรือเขียวน้ำทะเลไปหาแฟนหรือคุยงานหรอกนะ เพราะอาจจะโดนมองด้วยสายตาแปลก ๆ ได้ ลองกลับไปใช้เทคนิคดิ๊ปดาย เอาแต่ปลายผม หรือไฮไลท์สักปอยหนึ่งก็โอเคแล้ว มันทำให้เราดูมีสไตล์ และน่ามองขึ้นเยอะจนเขาหลงในความงามของเราเลยล่ะ
แอ็คติ้งอย่างนี้เจอแล้วมึนชัวร์
นอกจากเราสร้างลุคข้างนอกให้เขาจ้องไม่วางตาได้แล้ว กระบวนท่าต่อไปเราต้องใช้ท่าทางให้เขาละสายตาไปไม่ได้ อย่าเพิ่งให้เขาเกิดคำถามอะไรในใจเยอะ ฉวยโอกาสตอนเขากำลังมึน ๆ ป้อนข้อมูลเข้าไปเต็มสูบ
พูดไทยอังกฤษคำ
เคยเจอคนที่พูดไทยคำอังกฤษคำเยอะ ๆ แล้วเราแทบจะไปต่อไม่ได้มั๊ย ไม่ใช่ว่าเราแปลศัพท์คำนั้นไม่ออกหรอกนะ แต่ในสมองของเราจะต้องจัดประโยคนั้นใหม่ อย่างที่เคยได้ยินมาก็ประมาณว่า “เรา feel ว่า project นี้ sounds interesting มากค่ะ เรา appreciated ที่คุณ propose เราเป็นที่แรก ให้เราเป็น first priority” สาว ๆ อาจจะไม่ต้องพูดเยอะขนาดนี้ เราว่างงไปหน่อย เอามาปรับแทรกเข้าไปในประโยคบ้างแต่พองาม
เล่นจ้องตากัน
เราได้ถามเคล็ดวิชาจากสุดยอดนักขายงานมือโปรมาว่าทำยังไงให้ลูกค้าเชื่อมือ แล้วซื้อแทบทุกโปรเจ็คท์ เธอบอกมาว่าตอนพูดให้จ้องตาคนที่ฟังแบบเอาจริง แต่ไม่ใช่มองเชิงเสียมารยาทหรือมองแบบตาแข็ง ๆ เราสามารถมองพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร ส่งพลังให้เขารู้สึกได้ว่าเราจริงใจอยากให้เขาได้ของดีจริง ๆ
ทำมือรีวิวประกอบ
พูดอย่างเดียว สักพักคนฟังอาจจะเริ่มเบื่อ หมดความสนใจเร็ว ขอแนะนำวิธีวาดมือไม้ออกไประหว่างพูด สังเกตสิพวกที่เม้าท์มันส์ ๆ ขำ ๆ หรือพี่โน้ส อุดม เวลาเดี่ยว เขาสามารถผายมือออกไปให้สุดตัวแล้ว ดึงกลับมาได้อย่างน่าสนใจ คุย ๆ ไปเริ่มหยุดมองมือไม่ได้ คนฟังเริ่มลุ้นว่าต่อไปลีลาของเราจะเป็นยังไงต่อไป ไม่ฟังเพลินก็เวียนหัวไปเลย วิธีนี้คนฟังน่าจะเออออง่ายกว่าพูดแต่ปากเฉย ๆ
พูดเร็วติดจรวด
เทคนิคโบราณกาล แต่ใช้เมื่อไหร่ก็ยังเวิร์คเสมอ สาว ๆ น่าจะเคยเจอจากกลุ่มขายตรง โทรศัพท์ขายประกัน ขายบัตรเครดิต คุยแล้วใส่เป็นชุด แล้วจบที่ว่าโอเคยมั๊ยคะ ถ้ามัวแต่ “ค่ะ”ๆ เข้าทางเขาล่ะทีนี้ เราเลยคิดว่าการพูดเร็ว ๆ แบบนันสต๊อปจะทำให้คนฟังสมองชาแล้วรีบปิดงานให้อยู่หมัด
ชวนคุยออกทะเล
เป็นกฎเสมอว่าเวลาเจอกับใครครั้งแรก เขาจะมีกำแพงบาง ๆ กั้นระหว่างกันอยู่ เราพูดอะไรไป คนฟังจะเก็บทุกเม็ดไปคิดว่าเราเป็นคนยังไงตามสัญชาตญาณระวังภัย ก่อนอื่นเราต้องทำตัวสบาย ๆ ถ้าเป็นการเจอครั้งแรก อาจจะเปิดประเด็นเรื่องที่นัดเข้าไปคุยก่อน จากนั้นค่อย ๆ ผ่อนคลายบรรยากาศถามเรื่องสัพเพเหระ ถ้าลามถึงชีวิตของเขาได้ ก็คุยตีเนียนสบาย ๆ เช่น งานยุ่งมั๊ยคะแต่ละวัน คงเหนื่อยแย่เลยนะคะ แต่หน้าใสมากเลยค่ะ จบมานานหรือยังคะ อุ๊ย เรียนมหาลัยเดียวกันด้วย ฯลฯ โม้ไปสักพัก เราก็กลับมาเรื่องที่คุยค้างไว้อีกครั้ง ดึงข้อดีต่าง ๆ ออกมาให้มากที่สุด เรื่องที่เขาแย้งในใจจะน้อยลงหรือถ้าเขายังถามอยู่ เราว่าเขาก็ไม่น่าจะเพ่งจับผิดมากเหมือนตอนแรกเท่าไหร่แล้วล่ะ
เป็นยังไงกันบ้างหละคะ เทคนิคที่เราแนะนำ วิธีพูดให้คนเชื่อ ที่เราได้แนะนำมา ลองนำไปผึก และหัดใช้กันนะคะ เพื่อพัฒนาตัวเราเองให้เก่งยิ่งๆขึ้นไปคร่า