แขนเสื้อแต่ละแบบ มีชื่อเรียกว่าอะไรกันบ้าง

ในโลกของแฟชั่น เสื้อผ้าถือเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ซึ่งเสื้อผ้าทีออกมาแต่ละชุดแต่ละแบบนั้น จะต้องพิถีพิถันในการเลือกแบบแต่ละส่วนของชุดไม่ว่าจะเป็น โครงเสื้อ คอเสื้อ แขนเสื้อแต่ละแบบ ฯลฯ จนให้ได้ชุดที่ออกมาสวยงาม ทันสมัย และเหมาะสมกับผู้สวมใส่

ตัวแขนเสื้อถือเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งของเสื้อผ้า ซึ่งในการเลือก แขนเสื้อแต่ละแบบ นั้นจะต้องมีความเหมาะสมกับส่วนอื่น ๆ ของชุด เวลาสวมใส่จะต้องรู้สึกสบาย และเหมาะกับผู้สวมใส่ ซึ่งวันนี้เราจะแนะนำ แขนเสื้อแต่ละแบบ กันว่า แขนเสื้อที่เราใส่ หรือเห็นอยู่นั้นจะมีลักษณะรูปแบบไหน และชื่อเรียกอะไรกันบ้าง

Cap Sleeve – จะเป็นแขนเสื้อที่สั้นกว่าแขนเสื้อแบบปกติ โดยจะสังเกตได้จากช่วงแขนนั้นจะล้ำออกมาจากไหล่เพียงเล็กน้อย

img src : pinterest

3/4 Sleeve แขนเสื้อแบบนี้จะสังเกตได้จากความยาวของแขนเสื้อจะอยู่ที่ประมาณช่วงศอก หรือข้อพับแขน โดยทรงของแขนเสื้อจะเป็นแบบตรงจากไหล่ถึงปลาย หรือทรงสี่เหลี่ยม

img src : pinterest

Raglan Sleeve – โดยส่วนใหญ่แขนเสื้อนั้นการเย็บแขนรอยตะเข็บจะอยู่ช่วงหัวไหล่ แต่แขนแร็กแลนนั้นจะเริ่มจากคอเสื้อ และทแยงเฉียงลงมา

img src : pinterest

Kimono Sleeve แขนชนิดนี้มาจากชุดกิโมโน ที่เป็นชุดประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแขนชนิดนี้ จะมีความยาวถึงข้อมือ และขนาดของแขนเสื้อกว้างแขนเสื้อชนิดนี้มักนิยมออกแบบมาคู่กับ warp dress หรือเดรสป้าย เสื้อทรงป้าย และชุดทรงทวิส

img src : pinterest

Bishop Sleeve แขนเสื้อประเภทนี้สังเกตได้จากช่วงไหล่ถึงกลางแขนจะมีขนาดพอดีกับแขน หลังจากนั้นจะพองออก โดยที่ปลายแขนเสื้อจะเป็นแบบรัด

img src : pinterest

Off shoulder Sleeve หรือ Open Sleeves โดยปกติแขนเสื้อนั้นจะเริ่มจากไหล่ แต่แขนชนิดนี้จะเริ่มจากช่วงต่ำกว่าไหล่ ซึ่งแพทเทิร์นเสื้อที่มักจะใช้แขนประเภทนี้จะมีทั้งแบบเปิดไหล่่เต็ม และแค่เฉพาะเว้าไหล่

img src : pinterest

Butterfly Sleeve แขนเสื้อประเภทนี้จะออกแบบโดยรวมแขนเสื้อทั้งแบบ Puff sleeve และ Cap Sleeve เข้าด้วยกัน โดยแขนเสื้อเป็นแบบสั้น และมีทรงแขนแบบพองๆ

img src : pinterest, bellaellaboutique

Puffed Sleeve แขนสั้น ทรงแขนจะพอง ๆ ช่วงปลายแบบรัด

img src : pinterest

Bracelet Sleeve แขนเสื้อประเภทนี้จะมีความยาวแขนเสื้อเหนือข้อมือ ซึ่งจะคล้ายแขนเสื้อนั้นเหมือนสร้อยข้อมือ ด้วยเหตุนี้แขนเสื้อนี้จึงตั้งชื่อว่า bracelet (เบรส’ลิท – กำไลมือ,กุญแจมือ)

img – pinterest, pinterest, pinterest,

Bell Sleeve – แขนเสื้อประเภทนี้ตัวแพทเทิร์นจะคล้ายกับ Bishop Sleeves โดยตัวแขนนั้นตั้งแต่ช่วงไหล่จะมีขนาดมีพอดีกับแขน จนถึงช่วงปลายแขนจะขยายพองออก ซึ่ง Bell Sleeves หรือแขนกระดิ่งจะสังเกตุส่วนต่างได้ที่ปลายแขนที่จะบานออก ส่วน Bishop Sleeves ช่วงปลายจะเป็นแบบรัด

img – zalora ,chrisvun

Long Sleeve หรือแขนยาว ทรงแขนแบบนี้จะมีขนาดพอดีกับแขน และความยาวแขน ตั้งแต่ช่วงไหล่ จนถึงข้อมือ

img src – chrisvun

Cape Sleeve แขนเสื้อประเภทนี้จะคล้ายมีผ้าคลุมช่วงไหล่ ซึ่งจะมีทั้งแบบสั้น และแบบยาว

img src – pinterest

Petal Sleeve หรือแขนทรงกลีบดอกไม้ โดยทรงแขนจะเป็นแบบแขนสั้น แต่ตัวแขนจะมีจะแต่งเติมผ้าให้ซ้อนกันจนดูคล้ายกลีบดอกบัว

img src – victorypattern ,etsy

Slit Sleeve โดยส่วนใหญ่แขนเสื้อประเภทนี้จะมีความยาวแขนทั้งแบบตั้งแต่ประมาณข้อศอก จนยาวถึงข้อมือ แต่ตรงระหว่างแขนเสื้อจะมีการผ่าออกจนถึงชายแขนเสื้อ

img src : bloglovin , maryandmabel

Batwing Sleeve หรือแขนเสื้อค้างคาว โดยทรงแขนชนิดนี้จะเป็นทรงหลวม และช่วงแขนเสื้อจะมีการเย็บติดเข้ากับชุด ซึ่งเมื่อเราสวมใส่ และกางแขนออก จะมีลักษณะคล้ายปีกของค้างคาว จึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อแขนเสื้อนี้

img src : pinterest

Tiered Sleeve แขนเสื้อระบาย ตัวแขนเสื้อจะมีการต่อเติมผ้าให้เป็นชั้น ๆ

Ballon Sleeve แขนบอลลูน ตัวแขนเสื้อนั้นจะดูพอง ๆ ดูคล้ายบอลลูน

Leg of mutton Sleeve หรือ Gigot Sleeve แขนเสื้อชนิดนี้มักนิยมของผู้หญิงยุโรปในช่วงศตวรรษ 19 ซึ่งแขนชนิดนี้จะสังเกตได้จากช่วงแขนบนจะพองออก และแขนเสื้อช่วงข้อศอก ถึงข้อมือจะพอดีกับช่วงแขน

img src : tghfashion, tumblr

Pagoda sleeves แขนเสื้อชนิดนี้เป็นที่นิยมของผู้หญิงยุโรปในช่วงปี 1850-1860 แขนชนิดนี้ตั้งแต่ช่วงไหล่จะแคบ และค่อยขยายกว้าง ๆ ขึ้นจนถึงข้อมือ โดยระหว่างแขนจะต่อผ้าเป็นชั้น ๆ